ในการสร้างแบรนด์สินค้านั้นบุคลิกภาพของแบรนด์หรือ Brand Personality มีความสำคัญเป็นอย่างมาก เนื่องจากมีงานศึกษาพบว่าบุคลิกภาพของแบรนด์มีผลต่อการตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าของผู้บริโภค นอกจากนี้บุคลิกภาพของแบรนด์ยังส่งผลต่อความภักดีในตัวสินค้าอีกด้วย สีของแบรนด์เป็นหนึ่งในสิ่งที่หลายแบรนด์ใช้ในการระบุตัวตนหรือบุคลิกภาพของแบรนด์ เพราะสีมีผลต่อการรับรู้ของผู้บริโภค โดยผู้บริโภคจะสามารถจดจำและรับรู้ถึงตัวตนของแบรนด์ผ่านการดูจากสีของโลโก้แบรนด์ ดังนั้นการเลือกใช้สีให้ถูกต้องและเหมาะสมกับสินค้าหรือบริการที่แบรนด์ต้องการจะนำเสนอจึงเป็นสิ่งที่มีความสำคัญอย่างยิ่ง นอกเหนือจากสีของแบรนด์แล้วรูปแบบของบรรจุภัณฑ์ก็มีความสำคัญต่อการสร้างแบรนด์และการระบุบุคลิกภาพของแบรนด์เช่นเดียวกัน เพราะผู้บริโภคที่ไม่เคยรู้จักผลิตภัณฑ์ของแบรนด์เรามาก่อนมีแนวโน้มที่จะตัดสินใจเลือกซื้อสินค้าจากบรรจุภัณฑ์ ถ้าหากบรรจุภัณฑ์มีความน่าดึงดูดและแตกต่างจากคู่แข่งรายอื่นในตลาด เลือกสีแบรนด์ให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพของแบรนด์ การเลือกใช้สีให้เหมาะสมกับบุคลิกภาพของแบรนด์เป็นกลยุทธ์สำคัญที่จะช่วยให้แบรนด์สามารถสื่อสารตัวตนของแบรนด์ให้กับลูกค้าได้ดีมากยิ่งขึ้น โดยบุคลิกภาพของแบรนด์จะมีทั้งหมด 5 ลักษณะ ได้แก่ 1. Sincerity ความจริงใจ เป็นบุคลิกภาพที่สื่อถึงความตรงไปตรงมา พูดความจริงเสมอ มีความจริงใจ และเป็นมิตร 2. Excitement ความน่าตื่นเต้น เป็นบุคลิกภาพที่สื่อถึงความสนุกสนาน ตื่นเต้น ทันสมัย และขี้เล่น 3. Competence ความเชี่ยวชาญ เป็นบุคลิกภาพที่สื่อถึงความน่าเชื่อถือ เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ความเข้าใจในเรื่องนั้น ๆ เป็นอย่างดี และสื่อถึงความมีประสบการณ์อีกด้วย 4. Sophistication ความดูดี มีระดับ เป็นบุคลิกภาพที่สื่อถึงความหรูหรา มีระดับ และความมีระดับ 5. Roughness ความดิบ หรือเข้มแข็ง เป็นบุคลิกภาพที่สื่อถึงความทนทาน แข็งแรง และการเผชิญกับสิ่งใหม่…
Category Archives: General
บทความนี้จะแนะนำเคล็ดลับการแบ่งสัดส่วนบุคลิก 60-40 ให้ Brand Personality มีความน่าสนใจและแตกต่างจากคู่แข่ง
ปัจจุบันนี้นักการตลาดจำเป็นต้องมีวิธีต่อรองกับข้อมูลและเชื่อมต่อกับลูกค้าให้อย่างง่ายดาย เทคโนโลยีทางการตลาด หรือ Martech สามารถตอบโจทย์ได้
เรากำลังอยู่ในโลกปัจจุบันที่ เทคโนโลยี มีการพัฒนาไปอย่างก้าวกระโดดในทุก ๆ วงการ ตั้งแต่เรื่องพื้นฐานอย่างการเกษตรไปจนถึงเรื่องสุดล้ำอย่างอวกาศ ไม่เว้นแม้แต่เรื่องที่สำคัญอย่างการวิจัยตลาด เทคโนโลยีนั้นไม่เพียงแต่ช่วยให้ชีวิตสะดวกสบายขึ้น แต่ยังมาช่วยเพิ่มความฉลาดให้กับการวิจัยตลาด ทั้งยังสามารถทำสิ่งที่ไม่เคยเป็นไปได้ให้เกิดขึ้นได้ อย่างเช่นการเก็บข้อมูลมาวิเคราะห์ และสร้าง report ได้แบบ real-time หรืออย่าง AI (Artificial intelligence) และ Machine Learning ก็กำลังจะกลายเป็นเทคโนโลยีที่ขาดไม่ได้ ในการวิเคราะห์ข้อมูลที่ช่วยพัฒนาการวิจัยตลาดให้ก้าวหน้าไปยังจุดสูงสุด และนี่คือ 5 เทคโนโลยีที่เข้ามามีบทบาทในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา แต่ได้เปลี่ยนโฉมหน้าการวิจัยตลาดไปตลอดกาล 1. Application เก็บ Survey และฐานข้อมูล ในปัจจุบันมีเครื่องมือการทำแบบสำรวจออนไลน์เ พื่อเก็บข้อมูลทั้งรูปแบบแอปพลิเคชันและเว็บไซต์ ที่มีระบบและฟังก์ชั่นต่าง ๆ ที่จำเป็นในการเก็บข้อมูลได้อย่างยอดเยี่ยม การเก็บข้อมูลสำรวจผ่านออนไลน์ หรือการนำแท็บเล็ตที่มีแบบสำรวจออนไลน์มาใช้เก็บข้อมูลแทนกระดาษ จะทำให้สามารถส่งข้อมูลกลับไปวิเคราะห์ได้แบบ real-time และเป็นวิธีการได้มาซึ่งข้อมูลที่เร็วที่สุด เพื่อสามารถนำไปใช้ได้ภายในเวลาเพียงไม่กี่นาที ทำให้สามารถส่งข้อมูลเพื่อนำไปวิเคราะห์ได้อย่างทันท่วงที 2. การเข้าถึง internet เทคโนโลยีของคนส่วนใหญ่ โลกออนไลน์ที่แพร่หลายในปัจจุบัน ช่วยเพิ่มการเข้าถึงผู้คนที่จะมาเป็นกลุ่มตัวอย่างงานวิจัยได้อย่างมาก การเข้าถึงกลุ่มตัวอย่างในพื้นที่ห่างไกลทั่วทุกมุมโลกสามารถทำได้อย่างง่ายดาย ทำให้การทำวิจัยสามารถเกิดขึ้นได้อย่างไร้พรมแดน ในทุกช่วงเวลาที่ต้องการ นอกจากนี้การเก็บข้อมูลผ่านออนไลน์…
ตัวอย่างโทนสีที่กลุ่มธุรกิจต่างๆนิยมหยิบยกมาใช้สร้างเป็น Palette สีของแบรนด์ เผื่อเป็นไอเดียตั้งต้นให้คุณที่กำลังเริ่มต้นสร้างเอกลักษณ์ให้แบรนด์
จากการวิจัยพบว่าว่าผู้บริโภคมากถึง 85% เชื่อว่าสีเป็นแรงจูงใจที่สำคัญที่สุดในการเลือกผลิตภัณฑ์ใดผลิตภัณฑ์หนึ่ง ในขณะที่ 92% ยอมรับว่ารูปลักษณ์ภายนอกเป็นปัจจัยทางการตลาดที่โน้มน้าวใจมากที่สุด ข้อมูลจาก www.colorcom.com เพราะฉะนั้นการเลือกสีให้สวยงาม ฉลาดเหมาะกับแบรนด์ของคุณจึงเป็นเรื่องสำคัญ