วันนี้ Crowdabout ขอนำเรื่องราวที่น่าสนใจ เทรนด์ธุรกิจ 2021 ผลิตภัณฑ์ความงาม วันนี้ขอนำเสนอเป็นตอนสุดท้าย ซึ่งจะเป็นการจบด้วยบทสรุปและการคาดการณ์จากการสำรวจตลาดของ Statista
กลุ่มลูกค้า ของผลิตภัณฑ์ความงาม เทรนด์ธุรกิจ 2021
กำลังซื้อจากประเทศโลกตะวันออกที่มีเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ และด้วยวัฒนธรรมที่มีความแตกต่างกันมากและหลากหลายกลุ่มลูกค้า จึงกลายเป็นโจทย์ที่แบรนด์ทั้งหลายต้องใส่ใจ ความหลากหลายจึงกลายเป็นธรรมเนียมปกติสำหรับผู้บริโภคจากโลกฝั่งตะวันออก
ในกลุ่มผู้บริโภคเจนมิลเลนเนียลส์นั้น มีแนวโน้มที่จะสนใจในเรื่องผลิตภัณฑ์ที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม มากกว่าคนในยุคเบบี้บูมเมอร์ถึง 6 เท่า และเป็นปัจจัยที่จะส่งผลต่อความภักดีต่อแบรนด์ (Brand Loyalty) ได้มากกว่าปัจจัยด้านอื่น
แบรนด์ผู้นำตลาดโลก ผลิตภัณฑ์ความงามประเภทเครื่องสำอาง เทรนด์ธุรกิจ 2021
จากข้อมูลล่าสุดจาก Brand Finance ในปี 2019 แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามประเภทเครื่องสำอางนั้น ยังคงครองส่วนแบ่งตลาดสำหรับยอดขายจาก Retailer ช่องทางค้าปลีกชั้นนำแบบ Modern Trade เอาไว้ได้อย่างเหนียวแน่นมาเกือบศตวรรษ โดย 10 อันดับแบรนด์มีดังนี้
- Johnson’s
- Channel
- L’Oreal Paris
- Gillette
- Neutrogena
- Nivea
- Dior
- Clinique
- Shiseido
- Guerlain
แต่ก็ยังมีแบรนด์เล็ก ๆ จำนวนมากในตลาดโลกที่เลือกใช้กลยุทธ์ Direct to Consumer หรือ D2C ทำการตลาดด้วยช่องทาง Social Commerce เป็นหลัก และสามารถแย่งส่วนแบ่งตลาดมาจากแบรนด์ใหญ่ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ เช่น IPSY, Fenty Beauty, Morphe, Kylie Cosmetics และ Glossier
เทรนด์ธุรกิจ 2021 ของตลาดเครื่องสำอาง
1. Subscription Services
โมเดลธุรกิจที่เป็นที่นิยมอย่างมากในช่วงทศวรรษนี้ เมื่อผู้บริโภคส่วนใหญ่เคยชินกับการสมัครบริการดูหนังแบบสตรีมมิ่งแล้วจ่ายเป็นรายเดือน ผลิตภัณฑ์เครื่องสำอางก็มีบริการ Subscription เช่นกัน อย่าง Birchbox และ Ipsy
2. Pop-Ups Store
กลยุทธ์ D2C นั้นนอกจากจะใช้ช่องทางออนไลน์ผ่าน Social Commerce เป็นหลักแล้ว ในโลกออฟไลน์ก็ยังสามารถทำได้เช่นกันโดยการใช้ Pop-Ups Store ตามสถานที่ต่าง ๆ ที่กลุ่มลูกค้าอยู่ บางแบรนด์เลือกที่จะไม่เปิดร้านในห้างชั้นนำเหมือนแบรนด์ใหญ่ เช่น Glossier ที่เปิดเฉพาะ Pop-Ups Store ที่ให้ประสบการณ์การทดลองสินค้าที่แปลกใหม่และได้ผลไม่แพ้กับร้านขนาดใหญ่ในห้าง
Pop-Ups Store นั้นได้รับความนิยมเพิ่มมากขึ้นเรื่อย ๆ ในอเมริกา โดยกินส่วนแบ่งยอดขายจากร้านใหญ่ที่อยู่ในห้างไปกว่า 38% และกว่า 28% ของผู้บริโภคที่ชอบซื้อเครื่องสำอางทางออนไลน์ จะมีการเปรียบเทียบราคาและคุณสมบัติกับที่ร้านแบบออฟไลน์ด้วย ดังนั้นช่องทางการขายแบบออฟไลน์จึงยังคงมีความสำคัญอยู่ และนอกจากนี้ยังจะช่วยเพิ่มยอดขายทางออนไลน์ได้มากขึ้นด้วย เนื่องจากมีการเปรียบเทียบราคาและการเสริมสร้างประสบการณ์ของตัวสินค้า
3. Diversity
ความหลากหลายและการเปิดรับความแตกต่าง คือเทรนด์โลก
แบรนด์ Fenty โดยศิลปินนักร้องชื่อดังอย่าง Rihanna เป็นผู้ริเริ่มแคมเปญ Beauty for all ที่สร้างเครื่องสำอางที่มีเฉดสีให้เลือกมากกว่า 40 แบบที่สามารถเข้าได้กับทุกสีผิวของคนบนโลก
4. Influence
Kylie Cosmetics คือตัวอย่างของการสร้างแบรนด์เครื่องสำอางให้มียอดขายมหาศาลจนผู้ก่อตั้ง Kylie Jenner กลายเป็นมหาเศรษฐีที่อายุน้อยกว่า 30 ติดอันดับโลกจากการจัดอันดับของนิตยสารฟอร์ปส์ โดยเป็นการใช้ Social Media สื่อสารแบรนด์บุคคลสร้างความน่าเชื่อถือและมีผู้ติดตามจำนวนมหาศาล
5. Forwards, Not Backwards
สำหรับแบรนด์ใหญ่ระดับโลกที่ครองตลาดความงามมานานกว่าศตวรรษ ก็ต้องมีการปรับตัวไปข้างหน้ากันอย่างขนานใหญ่ L’Oreal เป็นตัวอย่างที่ดีของแบรนด์ยักษ์ใหญ่ที่มีการปรับตัวอย่างมากในช่วงปีที่ผ่านมาทางด้านกลยุทธ์ เพื่อให้รอดพ้นจากการถูก Disrupt โดยแบรนด์เล็กที่มีความคล่องตัวสูงและสามารถเข้าถึงผู้บริโภคได้โดยตรง L’Oreal เริ่มรุกตลาดด้วยกลยุทธ์ D2C และมีการนำเทคโนโลยีอย่าง AR/VR และ AI เข้ามาใช้เสริมประสบการณ์ของลูกค้า จึงทำให้ L’Oreal ยังสามารถเป็นผู้นำตลาด Beauty ได้อยู่ในปัจจุบัน
และทั้งหมดนี้คือเทรนด์ของธุรกิจผลิตภัณฑ์ความงามโลกปี 2021 ในยุคโควิด และยุคหลังโควิดที่ทั้งโลกกำลังจะมุ่งไป น่าจะเป็นข้อมูลที่มีประโยชน์สำหรับเจ้าของธุรกิจผลิตภัณฑ์ความงามและผู้ที่กำลังสนใจจะเริ่มทำธุรกิจผลิตภัณฑ์ความงามในไทยได้ไม่มากก็น้อยค่ะ และอย่าลืมว่าการวิจัยตลาดนั้น ยังคงเป็นส่วนประกอบเริ่มต้นที่สำคัญ ในการทำธุรกิจผลิตภัณฑ์ความงามทุกประเภท ที่เราจำเป็นจะต้องเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง เพื่อพัฒนาผลิตภัณฑ์ให้ตรงกับกลุ่มลูกค้าของเราให้ได้มากที่สุด
เนื้อหาบางส่วนได้รับข้อมูลมาจาก harpersbazaar