fbpx
Jul 7, 2021 • BY Admin
เทรนด์ธุรกิจ ผลิตภัณฑ์ความงามโลกปี 2021 (ตอนที่ 1)

เทรนด์ธุรกิจ โดยเฉพาะสกินแคร์และเครื่องสำอางค์ เป็นธุรกิจในอุตสาหกรรมความงามที่มีขนาดใหญ่มาอย่างยาวนาน มีกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมหึมา และอยู่ภายใต้การครอบงำของอุตสาหกรรมค้าปลีกอีกที แต่หลังจากปี 2020 ที่มีการระบาดของ COVID-19 กลุ่มธุรกิจความงามนี้ก็เริ่มมีแนวโน้มที่เปลี่ยนไป

ส่วนแบ่งตลาดและการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามในปี 2021

ธุรกิจที่อยู่ภายใต้อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงามมีอะไรบ้าง? มีอยู่ทั้งหมด 3 ธุรกิจหลัก คือ

  • สกินแคร์ (Skincare)
  • เครื่องสำอางค์ (Color Cosmetics/Make-up)
  • และน้ำหอม (Fragrance)

ในภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ความงามยังคงเติบโตทั่วโลก จากปี 2020 มีมูลค่าตลาดกว่า $483 ล้าน ในปี 2021 นี้เพิ่มขึ้นมาเป็น $511 ล้าน เติบโตกว่า 4.75% และคาดการณ์ว่าจะเกิน $716 ล้านในปี 2025 และเกิน $784 ล้านในปี 2027

การเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ความงามนั้น แน่นอนว่าส่วนสำคัญก็คือการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และอิทธิพลของ Social Media ที่มีผลต่อการดึงดูดลูกค้ามากขึ้น และทำให้เกิดการยินดีจ่ายในราคาที่สูงขึ้นเพื่อคุณภาพที่สูงขึ้นตามด้วยเช่นกัน

กำลังซื้อจากประเทศที่กำลังเติบโตใหม่หลายประเทศก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญของการขยายตัวในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงามนี้เช่นกัน โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือก็ครองส่วนแบ่งไปมากกว่า 60% ของตลาดทั้งโลก

เทรนด์ธุรกิจ

เทรนด์ธุรกิจ เน้นออนไลน์และ Social Media

แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามทั้งหลายนั้นต่างก็มุ่งหวังที่จะเติบโตขยายชื่อเสียงแบรนด์ และเพิ่มยอดขายจากระดับท้องถิ่นไปยังระดับประเทศ สู่ระดับโลก ด้วยทั้งจากช่องทางออนไลน์และออฟไลน์รวมกัน โดยที่ช่องทางออนไลน์นั้นจะเริ่มมีสัดส่วนในการสร้างยอดขายเพิ่มมากขึ้นกว่าช่องทางออฟไลน์ที่จะมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ เหมือนกับหลายอุตสาหกรรมที่กำลังมีแนวโน้มแบบนี้ อย่างเช่น อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ที่ต้องอาศัยประสบการณ์ลูกค้าที่หน้าร้านสูงมาก ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มการสร้างประสบการณ์จากช่องทางออนไลน์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ทำให้อีคอมเมิร์ซยังคงเป็นเทรนด์ที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญทุก ๆ ปี โดยเฉพาะช่วงปี 2020-2021 ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19

แต่อย่างไรก็ตามในอเมริกา ช่องทางขายผลิตภัณฑ์ความงามที่มีสัดส่วนสูงที่สุดก็ยังคงเป็นช่องทางออฟไลน์อย่างหน้าร้าน สำหรับผลิตภัณฑ์ความงามประเภทเครื่องสำอางค์นั้น มีสัดส่วนช่องทางออฟไลน์ที่หลากหลายอย่างเช่น ร้านขายยา, ร้านตัวแทนจำหน่าย, ร้านแบรนด์, ห้างสรรพสินค้า, Specialty Store และซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีเจ้าตลาดในอเมริกาอย่าง Walmart, Target และ Sephora สำหรับร้านเฉพาะทางประเภทความงาม

เทรนด์ธุรกิจ

แบรนด์เล็กได้เปรียบในโลกออนไลน์

ผ่านมากว่า 100 ปีแล้วที่อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงาม โดยเฉพาะประเภทเครื่องสำอางค์นั้นถูกครองตลาดโดยแบรนด์ผู้เล่นระดับโลกอย่าง L’Oréal, Unilever, Procter & Gamble และ Estee Lauder กินส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกรวมกันไปกว่า 81.7%

แต่ในช่องทางอีคอมเมิร์ซนั้นส่วนแบ่งของผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์เล็กรายอื่น ๆ กลับมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันมากถึง 86% ในอเมริกาปี 2019 สะท้อนให้เห็นถึงความหวังในการที่แบรนด์รายย่อยทั้งหลาย จะสามารถกินส่วนแบ่งตลาดในภาพรวมเพิ่มมากขึ้นได้เรื่อย ๆ ตามการคาดการณ์มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์ความงามในช่องทางอีคอมเมิร์ซในปี 2023 จะสูงถึง $99 ล้านและครองส่วนแบ่งตลาดถึง 48%

เทรนด์ธุรกิจความงามในปี 2022

  • สินค้าด้านสุขอนามัยที่ดี ผลพวงจากการระบาดของโควิด 19 ที่แม้ว่าการระบาดใหญ่จะสิ้นสุดลงในไม่ช้านี้ แต่สิ่งที่ขาดไม่ได้กลายเป็นเจลหรือสเปรย์ทำความสะอาด สบู่ล้างมือ ตลอดไปจนถึงครีมทามือ ที่นอกจากวัตถุประสงค์เรื่องฆ่าเชื้อโรคแล้ว ยังมีสิ่งอื่นที่บ่งบอกตัวตนและแสดงออกถึงเอกลักษณ์ เช่น กลิ่มหอมที่ดูหรูหรา แพคเกจที่ดูดีมีระดับ
  • ผลิตภัณฑ์สำหรับเส้นผม ไม่เพียงแค่ผลิตภัณฑ์ฆ่าเชื้อสำหรับมือเท่านั้นแต่ผมก็ต้องการการฆ่าเชื้อเช่นเดียวกัน จากงานวิจัยในต่างประเทศหลาย ๆ ชิ้น บ่งบอกว่าผู้คนจับผมถึง 40 ครั้งต่อวัน และแน่นอนว่านอกจากการฆ่าเชื้อที่มือแล้ว ที่ผมก็ไม่ต่าง ผลิตภัณฑ์ดูแลเส้นผมต้านเชื้อแบคทีเรียที่ปลอดภัยสำหรับลูกค้า เช่น สเปรย์ทำความสะอาด แชมพูต้านแบคทีเรีย และมอยส์เจอไรเซอร์ต้านเชื้อแบคทีเรีย
  • สินค้าที่เปิดเผยส่วนผสม พฤติกรรมผู้บริโภคที่เปลี่ยนไป พวกเขาไม่ได้เชื้อการโฆษณาและรีวิวของผู้ที่มีชื่อเสียงหรือคำกล่าวอ้างจากแบรนด์แค่เพียงอย่างเดียวเท่านั้น แต่พฤติกรรมของผู้บริโภคที่เปลี่ยนไปเป็นการอ่านส่วนผสมที่อยู่ในสินค้า สูตรทางเคมี การหางานวิจัยต่าง ๆ เพราะพวกเขาต้องการที่จะรู้แน่ชัด ว่าพวกเขาทาอะไรลงบนร่างกายของตัวเองบ้าง นอกจากนี้สิ่งที่พวกเขาคำนึงถึงเป็นเรื่องต่อมาคือความยั่งยืนและเรื่องของสินค้าออร์แกนิค
  • ปกป้องจากรังสี ปฎิเสธไม่ได้เลยว่าพฤติกรรมในช่วงล็อคดาวน์เปลี่ยนความต้องการของผู้บริโภคไปไม่มากก็น้อย การอยู่หน้าจอเพิ่มขึ้นมาก ทั้งหน้าจอคอมพิวเตอร์และหน้าจอมือถือนั้นทำให้ความต้องการปกป้องผิวจากแสงสีฟ้าก็เพิ่มมากขึ้นเช่นกัน ไม่เฉพาะกับการใส่แว่นเท่านั้น ในหลายวิจัยที่บ่งบอกว่าแสงสีฟ้านั้นมีผลเสียต่อผิวหนัง แบรนด์ความงามต่าง ๆ จึงเริ่มออกสินค้าที่มีนวัตกรรมลดผลกระทบจากแสงสีฟ้า และกลายเป็นแนวโน้มที่แพร่หลายในส่วนประกิบ เช่น ขมิ้น สาหร่าย และอื่นๆ เพื่อประโยชน์ในด้านนี้

สุดท้ายแล้วช่องทางอีคอมเมิร์ซนั้นก็ยังจำเป็นต้องมีการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น ให้สามารถเสริมส่วนที่ช่องทางหน้าร้านนั้นขาดไป โดยเฉพาะการนำเสนอแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามย่อยที่มีความแตกต่าง มีความเฉพาะเจาะจงต่อสภาวะการใช้งานอย่างละเอียด และเน้นคุณภาพเป็นพิเศษ

เนื้อหาบางส่วนได้รับข้อมูลมากจาก linchpinseo

ต้องการคำแนะนำ กลยุทธ์หรือทีมช่วยวิเคราะห์ปัญหา
หาทางแก้ไขเพื่อต่อยอดพัฒนาธุรกิจของคุณ

Phone : 097-364-6592

Tag: เทรนด์ธุรกิจ

Admin

Leave a Reply

Your email address will not be published. Required fields are marked *