ปัจจุบันคงต้องยอมรับว่า เราทุกคนจะต้องอยู่ในสภาวะของการแพร่ระบาด Covid-19 ไปอีกหลายปี 2020 จนถึงปี 2024 ไม่ว่าเราจะเรียกว่าเป็นยุค Covid-19 หรือยุคหลัง Covid-19 ก็ตาม คงไม่มีทางกลับมาเป็นยุคก่อนโควิดแบบปี 2019 ได้อีกแล้ว ดังนั้นกิจกรรมที่มีงบประมาณทั้งหลาย อาจจะต้องมีการวางแผนและวัดผลอย่างระมัดระวังมากขึ้น นี่คือก็เหตุผลว่าทำไมเราจึงต้องทราบ ประโยชน์ของการวิจัย ก่อนที่จะวางแผนการตลาดหรือดำเนินธุรกิจต่อไปนั่นเอง สำหรับภาคธุรกิจไม่ว่าจะอยู่ในอุตสาหกรรมไหน ทั้งที่ได้รับผลกระทบโดยตรงจากสถานการณ์ Covid-19 ก็จำเป็นจะต้องมีการทบทวนแผนธุรกิจกันใหม่ทั้งหมด เมื่อตำราในอดีตไม่สามารถเป็นคำตอบให้ได้อีกต่อไป สภาวะตลาดที่จะเปลี่ยนแปลงไปตลอดกาล รวมถึงพฤติกรรมผู้บริโภคก็เช่นกัน ดังนั้นแต่ละธุรกิจอาจจำเป็นจะต้องนึกถึงการเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่ ในด้านกลยุทธ์ทั้งในเชิงของสินค้าบริการ และการตลาดหรือการขาย เพื่อเป็นการรีเซ็ทข้อมูลและแนวคิดของธุรกิจให้มีความอัปเดตต่อยุคสมัยที่เปลี่ยนไป การกลับมาเริ่มทำวิจัยตลาดอีกครั้ง หรือเริ่มต้นทำวิจัยตลาดเป็นครั้งแรกสำหรับบางกิจการที่ไม่เคยมีการทำมาก่อนเลย อาจจะต้องเริ่มมองเป็นตัวเลือกแรกในกระบวนการวางกลยุทธ์ธุรกิจสำหรับยุคโควิดครั้งนี้ ลองมาดูกันว่าประโยชน์ของการวิจัยตลาดในโลก หลังยุค Covid-19 นี้มีอะไรบ้าง และคุ้มค่าพอที่ธุรกิจควรจะแบ่งงบประมาณมาใช้มากแค่ไหน ในขณะที่ยอดขายปัจจุบันก็อาจจะยังเอาแน่เอานอนไม่ได้ ประโยชน์ของการวิจัย : กลับมาทบทวนธุรกิจตัวเองอีกครั้ง ถ้าธุรกิจของเรากำลังอยู่ในสภาวะที่กลืนไม่เข้าคายไม่ออกหลังจากผ่านวิกฤต Covid-19 ที่ผ่านมา กำลังซื้อหลักยังซบเซา ลูกค้ายังไม่ฟื้น ยอดขายตกต่อเนื่อง อาจจะถึงเวลาหยุดพักรบชั่วคราว เบรคการมุ่งเร่งยอดขาย แล้วกลับมาทบทวนแผนธุรกิจและแผนการตลาดกันใหม่อีกครั้ง กลับมานั่งวิเคราะห์กลยุทธ์กันใหม่ หาว่าจุดแข็ง จุดอ่อน…
Category Archives: Business insight
อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ไม่ใช่เรื่องยาก แต่ก่อนอื่นเรื่องที่คุณควรต้องรู้ มีอะไรบ้าง อย่าเพิ่งลงมือทำถ้ายังไม่ได้อ่านบทความนี้ ทุกวันนี้มองไปทางไหนก็เห็นเครื่องสำอางแบรนด์ใหม่ ๆ เพิ่มขึ้นมามากมาย การมีแบรนด์เป็นของตัวเองนั้นก็คงเป็นหนึ่งในความฝันของสาว ๆ หลายคน ซึ่งตลาดเครื่องสำอางนี้หลายคนอาจจะกังวลว่า มีเยอะไปแล้วจะขายได้หรือเปล่า รู้หรือไม่ว่า ตลาดเครื่องสำอางนี้มีแนวโน้มเติบโตขึ้นกว่า 7% เลยทีเดียว เเต่อาจยังรู้สึกว่าการที่จะเริ่มมีแบรนด์เป็นของตัวเองนั้นยากเเละไม่สามารถทำได้ง่าย ๆ และไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหน วันนี้ #crowdabout มีวิธีการเริ่มธุรกิจเครื่องสำอางสำหรับมือใหม่มาฝากกันค่ะ 1. อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ อยากขายอะไร ต้องรู้ใจตัวเอง ก่อนที่เราจะทำธุรกิจเราต้องศึกษาตลาดก่อนว่ามีผลิตภัณฑ์แนวไหนที่เราสนใจอยากจะขายบ้าง กลุ่มผู้บริโภคของเราคือใคร ตอบโจทย์เเละเเก้ปัญหาให้ผู้บริโภคของเราตรงไหน อยากวางขายที่ไหนเเละเรายังต้องหาจุดแตกต่างที่เด่นชัดของผลิตภัณฑ์ของเรากับคู่เเข่งได้อย่างชัดเจน ซึ่งวิธีที่เราจะรู้ได้ก็คือการทดลองลงสนามจริง การที่เราอยากรู้ว่าผู้บริโภคต้องการอะไร เเน่นอนว่าเราก็จะต้องหากลุ่มเป้าหมายที่คอยตอบคำถามของเราว่า ต้องการให้ผลิตภัณฑ์เราเป็นแบบไหนก็คือการการวิจัยตลาดนั่นเอง เพราะการวิจัยตลาดนั้นจะมี Filter system ที่กรองกลุ่มคนที่ตรงเป้าหมายของสินค้าเราจริง ๆ ซึ่งกลุ่มคนพวกนั้นจะคอยตอบคำถามหรือบอกสิ่งที่ต้องการของผู้บริโภคว่าต้องการอะไร เเละเราต้องเก็บข้อมูลที่ได้นั้นไปใช้ในการผลิตเเละปรับปรุงผลิตภัณฑ์ก่อนที่เราจะลงขายจริง ๆ 2. อยากเป็นเจ้าของธุรกิจ ต้องรู้จักคู่เเข่ง รู้เขารู้เรา รบร้อยครั้งชนะร้อยครั้ง เเน่นอนว่าเมื่อเรารู้ใจผู้บริโภคจากการทำการวิจัยตลาดเเล้ว เราก็ต้องรู้จักคู่เเข่งของเราให้ดีด้วย พยามยามเก็บข้อมูลเกี่ยวกับคู่เเข่งของสินค้าเรา หาจุดอ่อนเเละจุดเเข็ง วิธีการทำการตลาดเเละการขายของแบรนด์คู่เเข่ง รวมทั้งอ่าน Feedback…
หาก Content is King การ Create Content is Queen ค่ะ คงไม่ต้องบอกว่าเรื่องไหนเหนือกว่ากัน ไม่ใช่เรื่องง่าย แต่ก็ไม่ใช่เรื่องยากเกินไปเช่นกัน สำหรับสินค้าในหมวด Beauty ที่เติบโตมากอย่างต่อเนื่องในยุคนี้ ทั้งผลิตภัณฑ์ความงามอย่างสกินแคร์ แฮร์แคร์ และเครื่องสำอางค์ต่าง ๆ สิ่งที่จะช่วยให้ขายดีได้อย่างยิ่ง ก็คือการสื่อสารแบรนด์และสินค้าที่ตรงใจกลุ่มเป้าหมาย หนึ่งในวิธีการสื่อสารแบรนด์และสินค้า ไปสู่กลุ่มเป้าหมายที่เป็นที่นิยมและได้ผลอย่างมากในปัจจุบันก็คือ การสร้าง Content หรือการทำ Content Marketing ซึ่งถือว่าเป็นกลยุทธ์ที่มีความยั่งยืน และใช้งบประมาณน้อยกว่าวิธีอื่น ๆ ในภาพรวม อย่างการซื้อโฆษณายิง Ad ตรง ๆ ในช่องทางต่าง ๆ วันนี้ Crowdabout จะมาแชร์วิธีการสร้าง Content ยังไงโดนใจลูกค้า ที่ยังช่วยสร้างยอดขายเเละนำไปสู่การบอกต่อของลูกค้ากันค่ะ Create Content รีวิวดี ๆ ผลิตภัณฑ์โดน ๆ การทำแบรนด์เครื่องสำอางให้ติดตลาดนั้น เเน่นอนว่าคุณภาพสินค้าก็ต้องดี รีวิวก็ต้องน่าเชื่อถือ เหมือนว่ากับวลีที่ว่า…
ตัวอย่างเคสงานวิจัยตลาดของ Beauty Brand Store No. 1 ร้านเครื่องสำอางค์แบรนด์ดัง ที่ ขายของออนไลน์ ในออนไลน์มาร์เก็ตเพลส หนึ่งในลูกค้าของ Crowdabout Objectives ทีมอีคอมเมิร์ซต้องการทราบว่า1. ทําไมยอดขายใน Shopee สูงกว่า Lazada2. ทําไมคนเลือกซือใน Shopee Lazada และ เว็บไซต์ Market Place อื่นมากกว่า เว็บไซต์อีคอมเมิร์ซของแบรนด์เอง ทําไมยอด ขายของออนไลน์ ใน Shopee สูงกว่า Lazada? 1. ลูกค้าเลือกซื้อของจาก SHOPEE แม้ SHOPEE และ LAZADA จะมีของราคาเท่ากันจากการสํารวจ Target group พบว่า 70% ชอบซื้อของจาก Shopee มากกว่า และมักเข้า Shopeeเป็นที่แรกเพื่อเช็คราคา และซื้อของเนื่องจาก 2. ซื้อของเล็ก ๆ จาก…
Insight ของผู้บริโภคต่อผลิตภัณฑ์ความงาม แบรนด์เครื่องสำอางค์แต่ละแบรนด์ ได้มีการครอบครองส่วนแบ่งยอดขายในแต่ละกลุ่มของตัวเอง ตามพื้นที่ช่องทางค้าปลีกขายต่าง ๆ เช่น ห้างสรรพสินค้า ร้านสปา ทีวีช็อปปิ้ง หรือแม้กระทั่งตู้ขายของอัตโนมัติตามสนามบิน จากการสำรวจตลาดของ Pymnts.com ปัจจัยที่มีอิทธิพลต่อการพฤติกรรมการจับจ่ายซื้อผลิตภัณฑ์ความงามในตลาดอเมริกา ที่นอกเหนือไปจากเรื่องราคาและตำแหน่งที่ตั้งของร้าน ก็คือเรื่องของโปรโมชั่นพิเศษ ผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติพิเศษ และการสะสมคะแนนของร้าน เช่นเดียวกับอีคอมเมิร์ซของสินค้าประเภทแฟชั่นและผลิตภัณฑ์สัตว์เลี้ยง ที่แบรนด์สามารถทำการตลาดออนไลน์ให้ล้ำมากขึ้น โดยใช้กลยุทธ์แบบสร้างประสบการณ์พิเศษเฉพาะช่องทางออนไลน์เท่านั้น เทรนด์ธุรกิจความงาม เรื่องผลิตภัณฑ์กลุ่มพิเศษจากวัตถุดิบธรรมชาติ ยิ่งกว่าช่องทางการขายก็คือฑ์กลุ่มพิเศษจากวัตถุดิบธรรมชาติ จากการเพิ่มขึ้นของรายได้ผู้บริโภคในภาพรวมของอเมริกา ทำให้ผู้บริโภคเริ่มพิจารณาผลิตภัณฑ์ ด้วยปัจจัยทั้งด้านคุณสมบัติและส่วนผสมวัตถุดิบของผลิตภัณฑ์ นอกเหนือไปจากเรื่องราคา ด้วยเหตุนี้จึงทำให้ผู้ขายพยายามจะโปรโมทสินค้าในเรื่องคุณภาพของสินค้าที่เหนือคู่แข่ง มากกว่าที่จะห้ำหั่นกันด้วยราคา โดยมี 3 เรื่องที่ผู้บริโภคให้ความสำคัญมากคือ Natural, Organic และ Clean ซึ่งที่จริงแล้วในอุตสาหกรรมเครื่องสำอางค์มีส่วนแบ่งตลาดของสินค้า Organic มากที่สุด คำว่า Clean Beauty และ Organic Makeup ไม่ได้เป็นแค่คำโฆษณาที่สวยหรู การเติบโตของ Organic ในตลาดโลกนั้นเพิ่มขึ้นในอัตราเร่ง 2 เท่าตั้งแต่ปี 2018 คาดว่าจะเพิ่มขึ้นถึง $54.5…
เทรนด์ธุรกิจ โดยเฉพาะสกินแคร์และเครื่องสำอางค์ เป็นธุรกิจในอุตสาหกรรมความงามที่มีขนาดใหญ่มาอย่างยาวนาน มีกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมหึมา และอยู่ภายใต้การครอบงำของอุตสาหกรรมค้าปลีกอีกที แต่หลังจากปี 2020 ที่มีการระบาดของ COVID-19 กลุ่มธุรกิจความงามนี้ก็เริ่มมีแนวโน้มที่เปลี่ยนไป ส่วนแบ่งตลาดและการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามในปี 2021 ธุรกิจที่อยู่ภายใต้อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงามมีอะไรบ้าง? มีอยู่ทั้งหมด 3 ธุรกิจหลัก คือ ในภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ความงามยังคงเติบโตทั่วโลก จากปี 2020 มีมูลค่าตลาดกว่า $483 ล้าน ในปี 2021 นี้เพิ่มขึ้นมาเป็น $511 ล้าน เติบโตกว่า 4.75% และคาดการณ์ว่าจะเกิน $716 ล้านในปี 2025 และเกิน $784 ล้านในปี 2027 การเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ความงามนั้น แน่นอนว่าส่วนสำคัญก็คือการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และอิทธิพลของ Social Media ที่มีผลต่อการดึงดูดลูกค้ามากขึ้น และทำให้เกิดการยินดีจ่ายในราคาที่สูงขึ้นเพื่อคุณภาพที่สูงขึ้นตามด้วยเช่นกัน กำลังซื้อจากประเทศที่กำลังเติบโตใหม่หลายประเทศก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญของการขยายตัวในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงามนี้เช่นกัน โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือก็ครองส่วนแบ่งไปมากกว่า 60% ของตลาดทั้งโลก เทรนด์ธุรกิจ เน้นออนไลน์และ Social Media แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามทั้งหลายนั้นต่างก็มุ่งหวังที่จะเติบโตขยายชื่อเสียงแบรนด์ และเพิ่มยอดขายจากระดับท้องถิ่นไปยังระดับประเทศ สู่ระดับโลก…