ครีมซองถือเป็นสินค้ายอดนิยมสำหรับผู้บริโภคหลายกลุ่ม เพราะครีมซองสามารถพกพาได้ง่ายและใช้งานได้สะดวก จึงทำให้ ผู้ประกอบการในธุรกิจครีมซอง หลายรายสนใจที่จะเข้ามาเป็นหนึ่งในผู้เล่นของธุรกิจนี้
Crowdabout จึงได้รวบรวม 4 เรื่อง ที่เจ้าของธุรกิจต้องรู้ก่อนตัดสินใจผลิตครีมซองมาให้แก่ผู้อ่าน เพื่อที่จะได้นำไปพิจารณาต่อว่า ถ้าหากต้องการผลิตครีมซองแล้ว ควรจะมีกลยุทธ์แบบใดเพื่อให้สามารถอยู่รอดได้ในตลาด
1. การออกผลิตภัณฑ์ครีมซองต้องกำหนดกลุ่มลูกค้าให้ชัดเจน
ก่อนที่จะเริ่มผลิตครีมซอง คุณต้องมองเห็นภาพของลูกค้าให้ชัดก่อนว่าคุณทำสินค้านั้นมาเพื่ออะไร ให้ลูกค้าใช้ในโอกาสใด และลูกค้าจะมาซื้อด้วยอารมณ์แบบใด เมื่อทำเช่นนั้นแล้วจะทำให้คุณสามารถออกแบบผลิตภัณฑ์ ทำการตลาด และช่องทางการขายได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น เช่น หากคุณต้องการทำครีมกันแดดแบบครีมซอง การวางขายในร้านสะดวกซื้อตามแหล่งท่องเที่ยวอย่างเช่น ทะเล ภูเขา แทนที่จะวางขายในห้างสรรพสินค้าก็ถือเป็นกลยุทธ์ในการเจาะกลุ่มลูกค้าที่น่าสนใจ เพราะมีค่าชั้นวางถูกกว่า คู่แข่งน้อยกว่า และลูกค้ามีความจำเป็นต้องซื้อสินค้ามากกว่า
2. ต้องเลือกผลิตเพื่อลูกค้าเพียงกลุ่มเดียว
เมื่อต้องการจะผลิตครีมซอง คุณควรโฟกัสไปที่กลุ่มลูกค้าเพียงกลุ่มเดียวเท่านั้น มันแทบจะเป็นไปไม่ได้เลยที่คุณจะสามารถผลิตสินค้าที่ถูกใจคนหลายกลุ่มไปพร้อม ๆ กันได้ เพราะลูกค้าในแต่ละกลุ่มมีแรงจูงใจในการซื้อผลิตภัณฑ์ และมีรสนิยมที่แตกต่างกัน หลายครั้งที่เราเห็นว่าผู้ประกอบการพยายามที่จะทำผลิตภัณฑ์ให้ทุกคนถูกใจ แต่ส่วนใหญ่มักจบลงที่ผลิตภัณฑ์ไม่มีความโดดเด่น และไม่มีลูกค้ากลุ่มใดเลยที่รู้สึกว่าผลิตภัณฑ์นั้นเป็นผลิตภัณฑ์ที่ทำมาเพื่อตน
3. ต้องรู้ก่อนว่ากำลังแข่งกับใคร
ในตลาดที่กว้างและหลากหลายอย่างตลาดครีมซอง คุณไม่ได้แข่งกับทุกคนในตลาด แต่คุณแข่งกับแบรนด์ที่อยู่ในตำแหน่งเดียวกันกับคุณเท่านั้น อย่างหนึ่งที่แบรนด์ต้องรู้คือ อยู่ตำแหน่งไหนในตลาด ผลิตภัณฑ์ของคุณน่าสนใจไหม เพื่อให้คุณรู้ว่าคุณกำลังแข่งกับใคร ใครเป็นคู่แข่งที่ของคุณ
จากการสำรวจตลาดของ Crowdabout พบว่าตลาดครีมซองมีการแบ่งออกเป็น 3 ตลาดย่อย คือ แบรนด์ดังจากเมืองนอก แบรนด์ไทยขนาดกลาง และแบรนด์ไทยขนาดเล็ก แต่ละตำแหน่งนั้นก็ดึงดูดความสนใจของกลุ่มลูกค้าที่แตกต่างกัน ในมุมมองของลูกค้าแล้ว จะมีการมองสินค้าแต่ละตัวในเรื่องของ “ความเสี่ยง” และ “ความคาดหวังต่อผลลัพธ์ คุณภาพในการใช้”
อาทิ แบรนด์ดังจากเมืองนอก มักจะมีความเสี่ยงต่ำ ใช้แล้วน่าจะไม่แพ้ หน้าไม่พัง แต่ผลลัพธ์ที่คาดหวังก็ไม่น่าดีมาก ไม่โดดเด่นขนาดนั้น ในขณะที่แบรนด์ไทยขนาดเล็ก ที่มีความเสี่ยงสูงว่าหน้าจะพังไหม แต่ลูกค้าก็แอบหวังว่าอาจจะได้ค้นพบ “ขุมทรัพย์” หรือ “ไอเทมลับ” ที่ทั้งใช้ดี ทั้งราคาถูก สบายกระเป๋าก็ได้
ถ้ารู้แล้วว่าต้องแข่งกับใครแล้วจะสู้ยังไง
คำถามนี้คงจะเกิดขึ้นกับหลาย ๆ คน ที่กำลังประกอบธุรกิจครีมซอง เมื่อคุณรู้แล้วคุณก็เริ่มต้นจากการ วิเคราะห์กลยุทธ์ของคู่แข่ง ศึกษาเบื้องต้นว่าผลิตภัณฑ์ของเขาเป็นอย่างไร ราคาเท่าไหร่ มีจุดขายอย่างไร และมีการสื่อสาร โปรโมทผลิตภัณฑ์อย่างไร และวิเคราะห์จุดแข็ง จุดอ่อน เพื่อคุณจะได้เข้าไปแทรกในจุดที่ตลาดยังขาดอยู่ ต่อมาคือคุณต้อง วิเคราะห์ผลิตภัณฑ์ของตัวเอง เพื่อดูว่าผลิตภัณฑ์ของคุณยังขาดอะไรบ้าง และควรปรับทั้งในเรื่องของผลิตภัณฑ์ และการสื่อสารอย่างไรจึงจะแตกต่าง และทัดเทียมกับคู่แข่งของคุณ
4. Packaging ต้องเด่นที่สุดในชั้น
จะเห็นได้ว่า เมื่อคุณเข้าร้านสะดวกซื้อหรือร้านค้าต่าง ๆ ครีมซองหลากหลายแบบมี Packaging ที่โดดเด่น สีสันสะดุดตา เพื่อที่จะแข่งกับคู่แข่งในเชลฟ์ตามร้าน Packaging จึงเป็นสิ่งหนึ่งที่คุณควรให้ความสำคัญ ควรที่จะออกแบบแตกต่าง เมื่อเทียบกับผลิตภัณฑ์อื่น ๆ นับร้อยที่วางเรียงอยู่ นอกจากนี้ครีมซองที่คุณจะจัดจำหน่ายยังต้องคำนึงถึงเรื่องของภาพลักษณ์ สีของ Packaging และข้อความที่ต้องการส่งถึงกลุ่มลูกค้า เช่น สูตรเร่งผิวกระจ่างใส 10 เท่า, หน้าใส… ไวเว่อร์, หน้าใส… ไม่สิว เพียงเท่านี้ก็ทำให้ลูกค้าหันมาสนใจผลิตภัณฑ์ของคุณได้แล้ว