Services

ปลดล็อกศักยภาพธุรกิจ ด้วย Insights จากผู้บริโภคจริง

กว่า 200,000 คน

Customer Insights

บริการรับทำ Customer Insight ครบวงจร เพิ่มยอดขายด้วยการเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง

Brand Health Check

รับทำ Brand Audit และวิเคราะห์ แบรนด์เพื่อธุรกิจของคุณ

Growth Hacking

วางกลยุทธ์ Growth Strategy และวิเคราะห์ SWOT เพื่อธุรกิจของคุณ

Feasibility Study

รับทำ Feasibility Study บริการทดสอบ ผลิตภัณฑ์ก่อนลงตลาด

Product Testing

รับทำ Product Test บริการทดสอบ ผลิตภัณฑ์ก่อนลงตลาด

Business Idea Validation

ทดสอบไอเดียธุรกิจก่อนลงทุนช่วยคุณให้ ประสบความสำเร็จแบบไม่ต้องคาดเดาผลลัพธ์

Resources

Special topics written from

Our team’s experience

Latest Insights

บริการรับทำ Customer Insight ครบวงจร เพิ่มยอดขายด้วยการเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง

Project Showcase

บริการรับทำ Customer Insight ครบวงจร เพิ่มยอดขายด้วยการเข้าใจลูกค้าอย่างลึกซึ้ง

เทรนด์ธุรกิจ โดยเฉพาะสกินแคร์และเครื่องสำอางค์ เป็นธุรกิจในอุตสาหกรรมความงามที่มีขนาดใหญ่มาอย่างยาวนาน มีกลุ่มผู้บริโภคจำนวนมหึมา และอยู่ภายใต้การครอบงำของอุตสาหกรรมค้าปลีกอีกที แต่หลังจากปี 2020 ที่มีการระบาดของ COVID-19 กลุ่มธุรกิจความงามนี้ก็เริ่มมีแนวโน้มที่เปลี่ยนไป

ส่วนแบ่งตลาดและการเติบโตของอุตสาหกรรมความงามในปี 2021

ธุรกิจที่อยู่ภายใต้อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงามมีอะไรบ้าง? มีอยู่ทั้งหมด 3 ธุรกิจหลัก คือ

ในภาพรวมตลาดผลิตภัณฑ์ความงามยังคงเติบโตทั่วโลก จากปี 2020 มีมูลค่าตลาดกว่า $483 ล้าน ในปี 2021 นี้เพิ่มขึ้นมาเป็น $511 ล้าน เติบโตกว่า 4.75% และคาดการณ์ว่าจะเกิน $716 ล้านในปี 2025 และเกิน $784 ล้านในปี 2027

การเติบโตของตลาดผลิตภัณฑ์ความงามนั้น แน่นอนว่าส่วนสำคัญก็คือการขายสินค้าผ่านช่องทางออนไลน์และอิทธิพลของ Social Media ที่มีผลต่อการดึงดูดลูกค้ามากขึ้น และทำให้เกิดการยินดีจ่ายในราคาที่สูงขึ้นเพื่อคุณภาพที่สูงขึ้นตามด้วยเช่นกัน

กำลังซื้อจากประเทศที่กำลังเติบโตใหม่หลายประเทศก็เป็นอีกปัจจัยสำคัญของการขยายตัวในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงามนี้เช่นกัน โดยเฉพาะในภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกและอเมริกาเหนือก็ครองส่วนแบ่งไปมากกว่า 60% ของตลาดทั้งโลก

เทรนด์ธุรกิจ

เทรนด์ธุรกิจ เน้นออนไลน์และ Social Media

แบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามทั้งหลายนั้นต่างก็มุ่งหวังที่จะเติบโตขยายชื่อเสียงแบรนด์ และเพิ่มยอดขายจากระดับท้องถิ่นไปยังระดับประเทศ สู่ระดับโลก ด้วยทั้งจากช่องทางออนไลน์และออฟไลน์รวมกัน โดยที่ช่องทางออนไลน์นั้นจะเริ่มมีสัดส่วนในการสร้างยอดขายเพิ่มมากขึ้นกว่าช่องทางออฟไลน์ที่จะมีแนวโน้มลดลงเรื่อย ๆ เหมือนกับหลายอุตสาหกรรมที่กำลังมีแนวโน้มแบบนี้ อย่างเช่น อุตสาหกรรมเฟอร์นิเจอร์และของตกแต่งบ้าน ที่ต้องอาศัยประสบการณ์ลูกค้าที่หน้าร้านสูงมาก ก็มีแนวโน้มที่จะเพิ่มการสร้างประสบการณ์จากช่องทางออนไลน์ได้มากขึ้นเรื่อย ๆ

ทำให้อีคอมเมิร์ซยังคงเป็นเทรนด์ที่มีการเติบโตสูงอย่างต่อเนื่องอย่างมีนัยสำคัญทุก ๆ ปี โดยเฉพาะช่วงปี 2020-2021 ที่มีการแพร่ระบาดของ COVID-19

แต่อย่างไรก็ตามในอเมริกา ช่องทางขายผลิตภัณฑ์ความงามที่มีสัดส่วนสูงที่สุดก็ยังคงเป็นช่องทางออฟไลน์อย่างหน้าร้าน สำหรับผลิตภัณฑ์ความงามประเภทเครื่องสำอางค์นั้น มีสัดส่วนช่องทางออฟไลน์ที่หลากหลายอย่างเช่น ร้านขายยา, ร้านตัวแทนจำหน่าย, ร้านแบรนด์, ห้างสรรพสินค้า, Specialty Store และซูเปอร์มาร์เก็ต ซึ่งมีเจ้าตลาดในอเมริกาอย่าง Walmart, Target และ Sephora สำหรับร้านเฉพาะทางประเภทความงาม

เทรนด์ธุรกิจ

แบรนด์เล็กได้เปรียบในโลกออนไลน์

ผ่านมากว่า 100 ปีแล้วที่อุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์ความงาม โดยเฉพาะประเภทเครื่องสำอางค์นั้นถูกครองตลาดโดยแบรนด์ผู้เล่นระดับโลกอย่าง L’Oréal, Unilever, Procter & Gamble และ Estee Lauder กินส่วนแบ่งตลาดทั่วโลกรวมกันไปกว่า 81.7%

แต่ในช่องทางอีคอมเมิร์ซนั้นส่วนแบ่งของผลิตภัณฑ์ความงามแบรนด์เล็กรายอื่น ๆ กลับมีส่วนแบ่งตลาดรวมกันมากถึง 86% ในอเมริกาปี 2019 สะท้อนให้เห็นถึงความหวังในการที่แบรนด์รายย่อยทั้งหลาย จะสามารถกินส่วนแบ่งตลาดในภาพรวมเพิ่มมากขึ้นได้เรื่อย ๆ ตามการคาดการณ์มูลค่าตลาดผลิตภัณฑ์ความงามในช่องทางอีคอมเมิร์ซในปี 2023 จะสูงถึง $99 ล้านและครองส่วนแบ่งตลาดถึง 48%

เทรนด์ธุรกิจความงามในปี 2022

สุดท้ายแล้วช่องทางอีคอมเมิร์ซนั้นก็ยังจำเป็นต้องมีการพัฒนาประสบการณ์ลูกค้าให้เพิ่มมากขึ้น ให้สามารถเสริมส่วนที่ช่องทางหน้าร้านนั้นขาดไป โดยเฉพาะการนำเสนอแบรนด์ผลิตภัณฑ์ความงามย่อยที่มีความแตกต่าง มีความเฉพาะเจาะจงต่อสภาวะการใช้งานอย่างละเอียด และเน้นคุณภาพเป็นพิเศษ

เนื้อหาบางส่วนได้รับข้อมูลมากจาก linchpinseo

ต้องการคำแนะนำ กลยุทธ์หรือทีมช่วยวิเคราะห์ปัญหา
หาทางแก้ไขเพื่อต่อยอดพัฒนาธุรกิจของคุณ

Phone : 097-364-6592