วิธีการวิจัยตลาด คืออะไร และมีความสำคัญอย่างไรต่อธุรกิจ ? มาทำความรู้กับการทำวิจัยตลาดให้มากขึ้นได้ในบทความนี้
วิธีการวิจัยตลาด คืออะไร? และสำคัญอย่างไร?
วิธีการวิจัยตลาด มีขึ้นเพื่อช่วยทำให้ธุรกิจเข้าใจความต้องการของกลุ่มเป้าหมายได้ดีและตรงจุดมากขึ้น ไม่เพียงแต่จะทำให้ธุรกิจสามารถเพิ่มยอดขายได้ แต่ยังทำให้เกิดการมองเห็นโอกาสใหม่ ๆ ของตลาดที่ไม่เคยรู้มาก่อน เช่น ความต้องการของลูกค้า
นอกจากนี้วิธีการวิจัยตลาดยังลดความเสี่ยงของความล้มเหลวที่อาจเกิดขึ้น จากการทดลองปล่อยสินค้าออกสู่ตลาด โดยขาดความเข้าใจในความต้องการของลูกค้า และยังช่วยให้ธุรกิจของคุณเอาชนะคู่แข่งได้ง่ายขึ้น จากการเข้าใจจุดอ่อนของคู่แข่งที่ไม่สามารถทำให้ลูกค้าพอใจได้ ซึ่งเราสามารถเปลี่ยนจุดอ่อนนี้ มาเป็นความได้เปรียบทางการตลาดของเรา เพื่อเอาชนะฝ่ายตรงข้ามได้เช่นกัน
สิ่งที่ควรรู้ก่อนเริ่ม วิธีการวิจัยตลาด
ก่อนที่จะเริ่มต้นวิธีการวิจัยตลาดนั้น ควรเริ่มจากการเข้าใจปัญหาที่ธุรกิจกำลังเจออยู่ พิจารณาปัญหาก่อนว่าสามารถแก้ไขด้วยการทำวิจัยตลาดหรือไม่ กำหนดวัตถุประสงค์ สิ่งที่ต้องการรู้ ไม่กำหนดให้กว้างหรือแคบจนเกินไป ควรกำหนดให้เฉพาะเจาะจงและชัดเจน โดยมี 4 อย่างสำคัญที่จะต้องรู้ก่อนการทำวิจัยตลาดดังนี้
- กำหนดวัตถุประสงค์ของการทำวิจัยตลาดให้ชัดเจน : เนื่องจากกระบวนการวิจัยทางการตลาดที่คุณจะทำนั้นต้องสอดคล้องกับวัตถุประสงค์ และการทำวิจัยตลาดมีวิธีที่แตกต่างกันออกไปขึ้นกับว่าคุณต้องการทำวิจัยตลาดเพื่อวัตถุประสงค์ใด เช่น เพื่อสร้างการรับรู้ของแบรนด์ การประเมินความพึงพอใจของลูกค้า หรือการทดสอบแนวคิดสำหรับผลิตภัณฑ์ใหม่ ดังนั้นการกำหนดวัตถุประสงค์ที่ชัดเจนจะทำให้คุณสามารถทำวิจัยตลาดได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น
- เลือกกลุ่มเป้าหมายที่เหมาะสม : คุณควรเลือกทำวิจัยตลาดกับกลุ่มเป้าหมายที่สอดคล้องกับธุรกิจของคุณ โดยอาจพิจารณาจาก อายุ เพศ ระดับรายได้ ยิ่งคุณสามารถระบุกลุ่มเป้าหมายที่คุณต้องการทำวิจัยตลาดได้ชัดเจนเท่าไหร่จะยิ่งทำให้คุณได้ผลลัพธ์ที่มีประสิทธิภาพมากเท่านั้น
- การตั้งคำถามที่ถูกต้อง : วิธีการวิจัยตลาดมักจะใช้การถามคำถามกับกลุ่มเป้าหมายเพื่อให้ได้ข้อมูลที่ต้องการ ดังนั้นการตั้งคำถามอย่างถูกต้องและเลือกใช้คำถามที่ไม่ชี้นำผู้ตอบจึงเป็นสิ่งสำคัญอย่างมากต่อวิธีการทำวิจัยตลาด
- พิจารณาการจ้างองค์กรที่เชี่ยวชาญด้านการทำวิจัยตลาด : หากคุณไม่แน่ใจว่าจะเริ่มทำการวิจัยตลาดอย่างไร และกังวลว่าการเลือกลุ่มเป้าหมายและการเก็บข้อมูลจะไม่ได้ประสิทธิภาพมากเพียงพอ การใช้บริษัทที่มีความเชี่ยวชาญทำให้คุณสามารถได้ข้อมูลที่มีประสิทธิภาพและอาจเป็นข้อมูลเชิงลึกที่คุณไม่เคยทราบมาก่อน
การวิจัยตลาดสามารถเริ่มต้นทำได้ทันที โดยการใช้ข้อมูลจากฐานข้อมูลเดิมที่มีอยู่แล้ว เช่น ฐานข้อมูลบริษัท หนังสือ หรือสื่ออินเตอร์เน็ต จากนั้นถึงค่อยใช้วิธีเก็บข้อมูลใหม่ ด้วยวิธีการต่าง ๆ
การเก็บข้อมูลวิจัยตลาดมี 3 ประเภท
1. วิจัยตลาดเชิงปริมาณ (Quantitative) คือ การรวบรวมข้อมูล โดยใช้แบบสอบถามจากกลุ่มคนจำนวนหนึ่ง แล้วนำมาวิเคราะห์เป็นตัวเลขเชิงสถิติ ซึ่งการทำวิจัยเชิงปริมาณเหมาะสำหรับการวัดปริมาณของพฤติกรรม เช่น มีคนจำนวน 60% ชอบสินค้า a และ 40% ชอบสินค้า b
การเก็บข้อมูลวิธีนี้ สำหรับใช้สำรวจข้อเท็จจริง (Fact) ที่เป็นการตอบคำถามว่า อะไร หรือ What เป็นหลัก แต่ในปัจจุบันได้มีการพัฒนารูปแบบการสำรวจเชิงปริมาณ ให้สามารถค้นหาพฤติกรรมเชิงลึก (Insight) ที่เป็นการตอบคำถามว่า ทำไม หรือ Why กับอย่างไร หรือ How ได้มากขึ้น
2. วิจัยตลาดเชิงคุณภาพ (Qualitative) คือ เน้นทำความเข้าใจประเด็นที่ต้องการอย่างลึกซึ้ง หรือเจาะประเด็นที่มีรายละเอียดลงลึกมากกว่าการวิจัยตลาดเชิงปริมาณ โดยวิธีการที่นิยมใช้คือการสัมภาษณ์แบบ Focus group และ In-depth interview โดยการวิจัยวิธีนี้จะเน้นไปที่การตั้งคำถาม Why และ How เพื่อให้เข้าใจที่มาของพฤติกรรมต่าง ๆ
การวิจัยด้วยวิธีการนี้จะทำให้เข้าใจปัญหาได้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น สามารถทำให้ได้โอกาสและแนวคิดใหม่ ๆ ในการต่อยอดธุรกิจ ซึ่งมีความท้าทายในการเก็บข้อมูลมากกว่าแบบเชิงปริมาณ เพราะต้องมีการคัดเลือกกลุ่มตัวอย่าง หรือผู้ถูกสัมภาษณ์ที่มีคุณภาพ เช่น เป็นกลุ่มเป้าหมายที่เราต้องการข้อมูลจริง ๆ และต้องมีการสัมภาษณ์โดยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญในการสัมภาษณ์ และต้องมีการวิเคราะห์ข้อมูลที่มีความละเอียดในเชิงลึก
3. วิจัยตลาดด้วยการสังเกตการณ์ (Observation) คือ การใช้วิธีการสังเกตพฤติกรรมการบริโภค หรือการใช้งานในชีวิตประจำวันในสถานการณ์จริงต่าง ๆ ซึ่งอาจทำได้โดยการเฝ้าติดตาม หรือสังเกตด้วยตัวเอง ผ่านการใช้อุปกรณ์ไอทีหรือเทคโนโลยีเพื่อช่วยจับพฤติกรรมการใช้งาน การวิจัยตลาดด้วยการสังเกตจะทำให้เข้าใจพฤติกรรมที่เกิดขึ้นจริงในสภาพแวดล้อมต่าง ๆ ซึ่งจะมีความเป็นธรรมชาติ เนื่องจากเป็นการตอบสนองต่อสิ่งเร้าในสภาพแวดล้อมจริง
3 ข้อผิดพลาด ที่ทำให้ธุรกิจตกม้าตาย ก่อนจะเริ่มวิธีการวิจัยตลาดคือ
- ใช้เพียงแค่การวิจัยขั้นรองหรือขั้นที่ 2
การวิจัยขั้นรองคืออะไร ? พูดให้เข้าใจง่ายคือการรวบรวมข้อมูลที่มีอยู่แล้วมาวิเคราะห์ ซึ่งข้อมูลนี้อาจเป็นสถิติต่าง ๆ เช่น รายงานแนวโน้มธุรกิจประจำปี รายงานสถานการณ์การตลาดประจำปี รายงานการเติบโตทางธุรกิจของธุรกิจในธุรกิจหนึ่ง บทความต่าง ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจ หรือแม้กระทั่งสถิติการตลาด ข้อผิดพลาดคือข้อมูลที่คุณได้รับจากการวิจัยระดับขั้นรองนี้อาจเป็นข้อมูลเก่า ทำอาจทำให้พลาดปัจจัยอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับธุรกิจของคุณ - ค้นหาแหล่งข้อมูลบนเว็บเท่านั้น
เมื่อคุณใช้ Search Engine ทั่วไปในการรวบรวมข้อมูล คุณจะได้รับเฉพาะข้อมูลที่ทุกคนสามารถเข้าถึงและใช้ได้ ซึ่งบางทีข้อมูลที่มีออนไลน์อาจไม่ถูกต้องทั้งหมด หากต้องการค้นหาให้ละเอียดยิ่งขึ้น และอยู่ในงบประมาณที่จำกัด ให้ใช้แหล่งข้อมูลจากห้องสมุดในพื้นที่ วิทยาเขตของวิทยาลัย หรือศูนย์ธุรกิจขนาดเล็กของคุณ - สำรวจเฉพาะคนที่คุณรู้จัก
สำหรับธุรกิจขนาดเล็ก บางครั้งก็เลือกสัมภาษณ์เฉพาะสมาชิกในครอบครัวและเพื่อนร่วมงานที่ใกล้ชิด เมื่อดำเนินการวิจัย แต่ในหลาย ๆ ครั้ง เพื่อนและครอบครัวมักไม่ใช่กลุ่มเป้าหมายที่ดีที่สุด และเพื่อให้ได้ข้อมูลที่เป็นประโยชน์และถูกต้องที่สุด คุณต้องพูดคุยกับลูกค้าตัวจริงเกี่ยวกับความต้องการและความคาดหวังของพวกเขา
สรุป วิธีการวิจัยตลาดนั้นถือได้ว่าเป็นก้าวแรกที่สำคัญของธุรกิจ เพื่อให้สามารถเข้าใจลูกค้ากลุ่มเป้าหมายและตัวธุรกิจเองให้ลึกซึ้งยิ่งขึ้น เป็นสิ่งที่คุ้มค่าในการลงทุนเพื่อการพัฒนาธุรกิจ และด้วยเทคโนโลยีในปัจจุบันนั้น ทำให้การวิจัยตลาดไม่ใช่สิ่งที่สิ้นเปลืองงบประมาณของธุรกิจ หรือสิ่งที่มีกระบวนการที่ยุ่งยากซับซ้อนอีกต่อไป เจ้าของธุรกิจสามารถปรึกษาการเริ่มต้นทำวิจัยตลาดอย่างง่ายและรวดเร็ว หรือใช้บริการทำวิจัยตลาดยุคใหม่กับ crowdabout ได้ตามช่องทางด้านล่าง
ขอบคุณแหล่งที่มาบางส่วนจาก driveresearch
ต้องการคำแนะนำ กลยุทธ์หรือทีมช่วยวิเคราะห์ปัญหา
หาทางแก้ไขเพื่อต่อยอดพัฒนาธุรกิจของคุณ
LINE : https://lin.ee/zP5qA2r Email : cr***********@gm***.com Phone : 097-364-6592