การมีธุรกิจเป็นของตัวเองคงเป็นหนึ่งในความฝันของใครหลายคน แต่การจะสร้างธุรกิจขึ้นมานั้นกลับไม่ใช่เรื่องง่ายอย่างที่คิด มีเพียง 5% ของธุรกิจเกิดใหม่เท่านั้นที่สามารถอยู่รอดในตลาดได้ ดังนั้นผู้ประกอบการหรือนักธุรกิจหน้าใหม่จึงมีความจำเป็นที่จะต้องทำสิ่งเหล่านี้ก่อนที่คุณจะนำเสนอสินค้าหรือบริการออกสู่ตลาด เพื่อช่วยลดความเสี่ยงที่จะเกิดความล้มเหลวในธุรกิจได้
1. ลงมือทำอะไรซักอย่างกับไอเดียธุรกิจของคุณ
ธุรกิจของคุณจะไม่มีวันเกิดขึ้นจริงได้ถ้าหากคุณไม่นำไอเดียธุรกิจที่คุณมีออกมาลงมือทำจริง สิ่งนี้เป็นกับดักแรกของผู้เริ่มทำธุรกิจเกือบทุกรายเพราะทุกคนมีไอเดียธุรกิจที่จะทำมากมายแต่มีคนเพียงไม่กี่คนเท่านั้นที่นำไอเดียของตัวเองไปเริ่มทำจริงๆ การจะข้ามผ่านจุดนี้ให้ได้ คุณจะต้องทำ 3 สิ่งนี้
1.1 สร้างความหมาย และความสำคัญของการมีธุรกิจนี้ ให้ตัวคุณเองรับทราบ
ตั้งคำถามกับตัวเองก่อนว่าสิ่งที่คุณกำลังจะทำนั้นมีความหมายและความสำคัญกับชีวิตของคุณมากเพียงพอหรือไม่ เพราะถ้าสิ่งที่คุณทำไม่ได้มีผลกับชีวิตของคุณคงเป็นไปได้ยากที่คุณจะทุ่มเทและพยายามทำให้สิ่งนั้นเกิดขึ้นจริง โดยคำถาม 3 ข้อสำคัญที่จะช่วยให้คุณมองเห็นเป้าหมายของตัวเองได้ชัดเจนมากขึ้น ดังนี้
- 1. Experience : ประสบการณ์อะไรที่คุณต้องการในชีวิตบ้าง เช่น ต้องการเป็นเจ้าของรถหรู มีบ้านราคา 100 ล้านบาท ในคำถามส่วนนี้อาจเขียนเป็น Bucket list ของคุณ
- 2. Growth : คุณต้องการเติบโตไปในทิศทางไหน เช่น เป็นหนึ่งในสิบของเจ้าของธุรกิจที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดในประเทศ
- 3. Contribution : คุณจะแบ่งปันอะไรให้กับสังคมและคนอื่นบ้าง เช่น ให้ความรู้ด้านธุรกิจกับผู้อื่น ส่งเสริมกิจกรรมที่สนับสนุนสิ่งแวดล้อม
เมื่อคุณตอบคำถามทั้ง 3 ข้อได้ และคุณเห็นชัดเจนว่าการมีธุรกิจนี้ จะช่วยให้คุณได้รับประสบการณ์ที่คุณอยากมี ช่วยให้คุณได้เติบโตในทิศทางที่คุณอยากเป็น หรือช่วยให้โอกาสคุณได้แบ่งปันกับสังคมแบบที่คุณอยากทำมาตลอด เมื่อนั้นคุณจะให้ความสำคัญกับเป้าหมายการทำธุรกิจ และมีกำลังในในการเริ่มทำอะไรซักอย่างกับไอเดียของคุณมากขึ้น
1.2 เน้นความสม่ำเสมอในสิ่งที่ทำ
คุณอาจเริ่มต้นทำธุรกิจของคุณจากจุดเริ่มต้นเล็ก ๆ แต่มีความสม่ำเสมอเพื่อให้คุณเกิดวินัยและช่วยให้คุณหลุดออกจากการคิดไอเดียแต่ไม่ลงมือทำ เช่น กำหนดเวลา 10-15 นาทีของทุกวันเพื่อเริ่มทำแผนธุรกิจ โดยคุณต้องหลีกเลี่ยงการผลัดวันประกันพรุ่งและอาจเริ่มต้นทำในสิ่งที่คุณไม่ชอบก่อนเป็นอย่างแรก เพราะเมื่อคุณทำสิ่งนั้นสำเร็จแล้วจะเป็นแรงผลักดันให้คุณอยากทำในสิ่งอื่นหรือขั้นตอนต่อไปได้ง่ายขึ้น
1.3 กำจัดความกลัวของคุณออกไป
ความเสี่ยงเป็นสิ่งที่หลีกเลี่ยงไม่ได้ในการทำธุรกิจ ผู้ที่อยากเริ่มที่ธุรกิจส่วนใหญ่มักเกิดความกลัวและไม่กล้าที่จะเริ่มเพราะกังวลว่าจะมีข้อผิดพลาดต่างๆ คุณสามารถกำจัดความกลัวเหล่านั้นได้โดยการถามคำถามกับตัวเองว่า สิ่งที่คุณต้องการจะทำคืออะไร มีอะไรบ้างที่คุณไม่รู้แต่มีความสำคัญในการทำธุรกิจนั้น อะไรคือสิ่งที่แย่ที่สุด ที่จะเกิดขึ้นได้กับไอเดียธุรกิจของคุณ เมื่อคุณเห็นภาพของสิ่งเหล่านี้ชัด จะเปรียบเหมือนการเปิดไฟในห้องมืด ทำให้คุณไม่ต้องกลัวกับสิ่งที่ไม่รู้ และทำให้สามารถตัดสินใจได้แล้วว่าสิ่งที่จะเกิดขึ้นน่ากลัวจริงหรือไม่ และมีแนวทางการป้องกันอย่างไร
2. พิจารณาว่าสินค้าหรือบริการของคุณสามารถออกสู่ตลาดได้ยากง่ายเพียงใด
เมื่อคุณเริ่มลงมือทำธุรกิจสิ่งที่คุณควรทำต่อมาคือ พิจารณาว่าผลิตภัณฑ์หรือบริการของคุณมีความพร้อมในการออกสู่ตลาดมากน้อยเพียงใด โดยสามารถพิจารณาได้จากประเด็นดังต่อไปนี้
- มีกลุ่มลูกค้าที่จะซื้อสินค้าหรือบริการของคุณ
- มีช่องทางในการจัดจำหน่าย
- มีจุดขายหรือ Unique Selling Point ในสินค้าหรือบริการของคุณ
- มี Know-how หรือวิธีการที่จะผลิตสินค้าหรือบริการที่แตกต่างจากคู่แข่งได้
- มี Supplier หรือข้อได้เปรียบในธุรกิจของตัวเอง
- คุณและเพื่อนของคุณเป็นลูกค้ากลุ่มแรกหรือไม่
การพิจารณาในประเด็นเหล่านี้จะช่วยให้คุณเห็นถึงความพร้อมของธุรกิจตัวเองและทำให้คุณทราบว่าส่วนใดที่คุณยังขาดไป เพื่อทำให้คุณได้กลับไปเตรียมพร้อมและลดความเสี่ยงในความผิดพลาดที่จะเกิดขึ้นกับธุรกิจของคุณ
3. วิเคราะห์คู่แข่งและลูกค้าของคุณ
หลังจากที่คุณได้ตรวจสอบความพร้อมในการนำเสนอสินค้าหรือบริการของคุณแล้ว สิ่งที่คุณควรทำต่อมาคือการวิเคราะห์คู่แข่งและลูกค้าของคุณอย่างละเอียด เพื่อให้แน่ใจว่าคุณมี Demand หรือความต้องการในการซื้อสินค้าและบริการของคุณจริง ๆ และให้รู้ว่าคุณกำลังแข่งกับใคร มีจุดแข็งจุดอ่อนมากเท่าไหร่ เพื่อให้คุณสามารถรับมือกับตลาดได้ดียิ่งขึ้น
3.1 Competitor Research
คุณควรวิเคราะห์ทั้งคู่แข่งทางตรง (Direct Competitor) เพื่อดูว่าสินค้าของคุณกำลังแข่งกับใครในตลาด และคู่แข่งทางอ้อม (Indirect Competitor) เพื่อดูว่าสินค้าทดแทนในตลาดมีอะไรบ้าง โดยสิ่งที่คุณควรรู้จากการวิเคราะห์คู่แข่งคือ
- คู่แข่งขายอะไร ราคาเท่าไหร่
- ของคู่แข่งดียังไง อะไรคือจุดเด่นแต่ละแบรนด์
- ที่ขายดี ขายดีเพราะอะไร
3.2 Customer Research คุณจำเป็นต้องวิเคราะห์ลูกค้าของคุณเพื่อหาว่าลูกค้ากลุ่มเป้าหมายของคุณคือใคร โดยวิเคราะห์จากอายุ รายได้ หรือไลฟ์สไตล์ของกลุ่มเป้าหมาย โดยสิ่งที่คุณควรรู้จากการวิเคราะห์กลุ่มลูกค้าของคุณคือ
- คนกลุ่มนี้ต้องการสินค้าหรือบริการนั้นเพื่ออะไร
- ปกติซื้อแบรนด์ไหน
- ถ้าไม่ซื้อสินค้านี้ แล้วใช้อะไรแทน
- มีวิธีเลือกสินค้ายังไง อะไรคือปัจจัยเลือกหลัก
บทความนี้ได้เน้นย้ำให้เห็นถึงความสำคัญของการเตรียมตัวและวางแผนอย่างรอบคอบก่อนเริ่มธุรกิจใหม่ เพื่อลดความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้นจากการทำธุรกิจและยังช่วยเพิ่มโอกาสที่จะทำให้ธุรกิจของคุณประสบความสำเร็จมากขึ้น